ตรวจสอบทบทวน
บทที่ 8
ในการเขียนแผนจัดการเรียนรู้ขั้น การประเมินการเรียนรู้อิงมาตรฐาน
ปฏิบัติการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยการเขียนระดับคุณภาพของผลการเรียนรู้ (rubrics) ซึ่งอาจใช้แนวทางการกำหนดระดับคุณภาพของสมรรถนะตามแนวคิด SOLO
Taxonomny การเรียนรู้อย่างลุ่มลึก ไม่ใช่เรียนแบบผิวเผิน
หรือแนวทางอื่นๆ
การกำหนดเกณฑ์การประเมินการเรียนรู้โดยใช้ The SOLO Taxonomy
เสนอโดย Biggs และ Collis โครงสร้างการสังเกตผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้ The SOLO
Taxonomy เป็นการจัดระดับเพื่อประโยชน์ในการแสดงคุณสมบัติเฉพาะในระดับต่างๆของคำถามและคำตอบที่คาดว่าจะได้รับจากผู้เรียน
ซึ่งจะไม่เน้นที่ผลงานเท่านั้น แต่ยังเน้นที่วิธีการเรียนรู้ด้วย
โครงสร้างการสังเกตผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดย Biggs และ Collis ได้เสนอวิธีการดังนี้
1) กำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่ผู้เรียนปฏิบัติในบทเรียน
2) ประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคน
เมื่อเขียนวัตถุประสงค์การเรียนรู้ต้องมั่นใจว่าคำกริยาที่นำมาใช้เหมาะสมกับแต่ละระดับ
· ระดับโครงสร้างพื้นฐาน (Pre-structural) ไม่มีการจัดระเบียบข้อมูล
ความหมายโดยรวมของข้อมูลยังไม่ปรากฎ
· ระดับโครงสร้างเดี่ยว (Uni-structural) เชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐาน
แต่ไม่แสเดงความหมายเกี่ยวโยงของข้อมูล
· ระดับโครงสร้างหลากลหาย (Multi-structural) มีการเชื่อมโยงข้อมูล
แต่ความหมายของความสัมพนัธ์ระหว่างความเกี่ยวโยงข้อมูลไม่ปรากฎ
· ระดับความสัมพันธ์ของโครงสร้าง (Relational level) ผู้เรียนแสดงความสัมพันธ์ของความเกี่ยวโยงของข้อมูลและภาพรวมได้
· ระดับแสดงความต่อเนื่องในโครงสร้างภาคขยาย (Extended Abstract
Level) ผู้เรียนเชื่อมโยงข้อมูลนอกเหนือจากข้อมูลที่ได้รับ สามารถสรุปและส่งผ่านความสำคัญและแนวคิดที่ซ่อนอยู่ภายใต้กรณีตัวอย่างได้
การกำหนดระดับคุณภาพของสมรรถนะตามแนวคิด SOLO Taxonomy เป็นการเรียนรู้อย่างลุ่มลึก
ไม่ใช่เรียนแบบผิวเผิน
SOLO 0: ไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน ไม่สำเร็จ พลาด
ล้มเหลว
SOLO 1: ระบุ บอกชื่อ ปฏิบัติตามขั้นตอนง่าย ๆ
SOLO 2: รวมกัน อธิบาย บรรยาย ยกตัวอย่าง
เชื่อมโยง
SOLO 3: วิเคราะห์ ประยุกต์ อธิบายเหตุผล
แสดงความสัมพันธ์
SOLO 4: สร้างสรรค์ สรุปอ้างอิง ตั้งสมมติฐาน
สะท้อนทฤษฎี
โดย SOLO1 และ 2
สอดคล้องกับแนวคิดของบลูมในขั้นความรู้ ความเข้าใจ และนำไปใช้ (เชิงปริมาณ) และ SOLO3 และ 4 สอดคล้องกับแนวคิดของบลูมในขั้นวิเคราะห์ สังเคราะห์
และประเมินค่า (เชิงคุณภาพ)
SOLO: The Structure
of Observed Learning Outcome คือ
โครงสร้างการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้
Taxonomy มีความหมายเดียวกับคำว่า Classification คือ การจัดแบ่งประเภท แต่ Taxonomy นั้น
จะกล่าวถึง
หลักทางวิชาการที่ใช้เพื่อระบุประเภทของสิ่งมีชีวิตทางชีววิทยาที่มีลักษณะร่วมกันและทำการกำหนดชื่อให้กับกลุ่มสิ่งมีชีวิตนั้นๆ
หากกล่าวถึงการกำหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
ผู้สอนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเกณฑ์การกำหนดคุณภาพของ Bloom หรือBloom’s Taxonomy ซึ่งหากศึกษาดูแล้วเราจะพบว่า Bloom’s
Taxonomy นั่นมีแนวโน้มที่จะถูกใช้โดยผู้สอนเสียเป็นส่วนมาก
แต่ถ้าหากการกำหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรู้ของผู้เรียนนั้นมีผู้เรียนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดด้วยแล้ว
หลักการที่จะต้องพูดถึงนั่นก็คือ SOLO Taxonomy ซึ่งเป็นการกำหนดระดับผลการเรียนรู้ของผู้เรียนโดยที่ไม่มุ่งเน้นเฉพาะแค่การสอนและการให้คะแนนจากผลงานแต่เพียงอย่างเดียว
แต่เป็นกระบวนการประเมินผลที่ให้ความสำคัญว่า ผู้เรียนมีวิธีการเรียนรู้อย่างไร
และผู้สอนมีวิธีการอย่างไรที่ช่วยให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการทางปัญญาที่มีความซับซ้อนและก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
SOLO Taxonomy หรือ The Structure of Observed
Learning Outcome Taxonomy จึงเป็นแบบ (Model) ที่ใช้ในการใช้ระบุ บรรยาย หรืออธิบาย ระดับความเข้าใจอันซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของผู้เรียนในสาระหรือรายวิชา
ซึ่งผู้เสนอแนวคิดนี้จนกลายเป็นที่นิยมคือJohn B. Biggs และ Kelvin Collis (1982)
แบบของ SOLO Taxonomy ประกอบด้วยระดับความเข้าใจ 5 ระดับ ดังนี้
1. Pre-structural (ระดับโครงสร้างขั้นพื้นฐาน) คือ
ในระดับนี้ผู้เรียนจะยังคงไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายที่แท้จริง
และยังคงใช้วิธีการง่ายๆในการทำความเข้าใจสาระเนื้อหา เช่น
ผู้เรียนรับทราบแต่ยังคงพลาดประเด็นที่สำคัญ
2. Uni-structural (ระดับมุมมองเดียว) คือ
การตอบสนองของผู้เรียนจะมุ่งไปที่มุมมองที่เกี่ยวข้องเพียงมุมมองเดียว เช่น
สามารถระบุชื่อได้ จำได้ และทำตามคำสั่งง่ายๆได้
3. Multi-structural (ระดับหลายมุมมอง) คือ
การตอบสนองของผู้เรียนจะมุ่งเน้นไปที่หลายๆมุมมองโดยการปฏิบัติต่อผู้เรียนจะเป็นไปอย่างอิสระ
เช่น สามารถอธิบายได้ ยกตัวอย่างได้ หรืออาจเชื่อมโยงได้
4. Relational (ระดับเห็นความสัมพันธ์) คือ
การบูรณาการความสัมพันธ์ต่างๆเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เช่น ผู้เรียนสามารถวิเคราะห์
เปรียบเทียบ ระบุความแตกต่าง แสดงความสัมพันธ์ อธิบายเชิงเหตุผล และ/หรือนำไปใช้ได้
5. Extended
abstract (ระดับขยายนามธรรม) คือ
จากขั้นบูรณาการเชื่อมโยงความสัมพันธ์เข้าด้วยกัน
จากนั้นจึงมาสู่การสร้างเป็นแนวคิดนามธรรมขั้นสูง หรือการสร้างทฤษฎีใหม่ เช่น
การสร้างสรรค์ สะท้อนแนวคิด สร้างทฤษฏีใหม่ เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น