บทที่ 8
การประเมินอิงมาตรฐาน
Standard
Based Assessment
S : การประเมินอิงมาตรฐาน
(Standard Based Assessment ) การประเมินคุณภาพการเรียนรู้อิงมาตรฐาน
โดยใช้แนวคิดพื้นฐาน โครงสร้างการสังเกตผลการเรียนรู้ (Structure of
Observed Learning Outcom) รวมถึงมาตรฐานการประเมินคุณภาพภายในและการประเมินคุณภาพภายนอก
มาตรฐานมีความสําคัญอย่างยิ่งในชั้นเรียน
มาตรฐานเป็นตัวกระตุ้นการสอนที่ประสบ สําหรับผู้สอนที่มีความสามารถสูงสุด
เมื่อผู้สอนมองการสอนเทียบกับมาตรฐานจะพบว่า การสอนตอ ต่อมาตรฐาน
เพื่อความชัดเจนผู้สอนต้องตอบคําถามเรื่องการเรียนการสอนกับมาตรฐาน ดังนี้
ใครกําลังสอนมาตรฐานใด
เพื่อตอบคําถามว่า ใครสอนมาตรฐานอะไร ไม่ใช่ ใครสอนหัวใด
ใครกำลังประเมินผลมาตรฐานใดบ้าง
โดยวิธีใด เพื่อตอบคําถามว่า ใครประเมินมาตรฐานใด
การนํามาตรฐานมาใช้เพื่อกําหนดว่าเนื้อหาและทักษะใดสัมพันธ์กับมาตรฐานใด
แต่การเชื่อมโยง ระหว่างเนื้อหาและทักษะกับมาตรฐานอาจไม่เพียงพอ
ส่งผลให้มาตรฐานบางอย่างถูกละเลย เมื่อมีข้อมูลว่า
มาตรฐานใดบ้างที่จะนํามาใช้ในการสอนและการประเมินผลแล้ว
ก็จะช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าควรจะสอนและ ประเมินผลอะไรในระดับชั้นใด และวิชาใด
โดยวิธีใด สามารถระบุได้ชัดเจนว่ามาตรฐานได้นํามาใช้ในการ
สอนและการประเมินผลอย่างไร
การเริ่มต้นด้วยมาตรฐานในการสอนและการประเมินผลที่ใช้อยู่ในชั้นเรียน
หรือรายวิชานั้น ๆ เป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด
จากนั้นจึงเคลื่อนไปสู่มาตรฐานที่ยังไม่ได้สอนหรือการประเมินผล ต่อไป
และขั้นตอนสุดท้ายเป็นการทบทวนเพื่อตัดสินใจ/ตอบคําถามดังต่อไปนี้
แผนจัดการเรียนรู้นี้ดีที่สุดหรือไม่
ถ้าไม่จะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในเรื่องใดบ้าง มีสิ่งใดบ้าง
ที่ถูกมองข้ามไปหรือมีมากเกินไป
ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้อย่างเพียงพอ
และแสดงพฤติกรรมที่สอดคล้องกับมาตรฐานหรือไม่
สอนย้ำแต่ละมาตรฐานบ่อยๆมากเพียงพอที่จะทําให้เกิดการเรียนรู้ที่ลุ่มลึกขึ้นหรือไม่
มาตรฐานเป็นการจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องต่อความคาดหวังเพื่อการเรียนรู้ของผู้เรียน
มาตรฐานทําให้เกิดโครงสร้างซึ่งนําไปสร้างเป็นหลักสูตรท้องถิ่นที่สมบูรณ์แบบและลุ่มลึกได้
มาตรฐาน ระดับชาติ และระดับท้องถิ่น เป็นแหล่งวิทยาการที่สําคัญสําหรับผู้สอน
คําถามที่ผู้สอนจะต้องให้ความสําคัญคือ
มาตรฐานใดบ้างที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ของผู้เรียน
ผู้เรียนแต่ละคนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในทุกมาตรฐานหรือไม่
การนําเสนอมาตรฐานอยู่ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์
และผู้สอนสามารถนําไปใช้ได้หรือไม่
เราจะนํามาตรฐานไปใช้ในชั้นเรียนและโรงเรียนทั่วทั้งเขตพื้นที่การศึกษาได้อย่างไร
การประเมินผลและการนิเทศ
Carr, Judy F and Harris,
Douglas E. (2001 : 153) กล่าวสรุปไว้ว่า การพัฒนาวิชาชีพ การนิเทศ
และการประเมินผล
มีจุดหมายเพื่อให้ผู้เรียนมีพัฒนาการเรียนรู้ตามมาตรฐาน และได้นําเสนอหลักการ
ดำเนินการพัฒนาด้านวิชาชีพที่อิงมาตรฐาน 7 ประการ ดังนี้
หลักการที่ 1
ประสบการณ์การพัฒนาวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพเกิดจากภาพลักษณ์ที่ดีด้านการเรียนการสอน
การพัฒนาวิชาชีพตามระบบที่เชื่อมโยงด้วยมาตรฐาน
มีคําถามที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะบรรลุมาตรฐาน
ดังต่อไปนี้
ใครจะรับผิดชอบมาตรฐานใด
แนวทางการเรียนการสอนจะเป็นอย่างไร
ในชั้นเรียนผู้สอนและผู้เรียนจะมีบทบาทอย่างไร
ระดับผลการเรียนรู้ที่คาดหวังควรตั้งไว้เท่าใด
ใช้เกณฑ์ใดในการกําหนดผลสัมฤทธิ์ของ มาตรฐาน และจะประเมินมาตรฐานอย่างไร
ใช้ข้อมูลใดบ่งบอกว่าบรรลุมาตรฐาน
และอะไรบ้างที่นําไปใช้ในการเรียนการสอน
หลักการที่ 2
ประสบการณ์การพัฒนาวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพให้โอกาสผู้สอนได้สร้างองค์ความรู้
และทักษะของตนเอง เป้าหมายของการวางแผนการสอน มีขอบข่ายเนื้อหาที่จะปรับปรุงผลการเรียนรู้ของ
ผู้เรียนอย่างชัดเจน โดยเชื่อมโยงลําดับความสําคัญของการพัฒนาวิชาชีพกับแผนการสอน
กรณีตัวอย่าง สถานศึกษากําหนดแผนการพัฒนาประกอบด้วยประเด็นหลัก 3 ประเด็น คือ
การวิเคราะห์ผลงานของผู้เรียน การจัดทำแฟ้มสะสมงาน และการพัฒนาวิธีการวัดผลหลังจบหลักสูตร
ในแต่ละประเด็นเน้นการพัฒนา ความสามารถของผู้สอนในด้านการสอนและประเมินการแก้ปัญหา
โดยเปิดโอกาสให้จัดทําแผนพัฒนา วิชาชีพระยะยาว
หลักการที่ 3 ประสบการณ์การพัฒนาวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพใช้หรือเป็นตัวแบบกลยุทธ์การสอนที่ผู้สอนจะใช้กับผู้เรียน
การสร้างตัวแบบเริ่มโดยเน้นที่มาตรฐาน โดยคาดหวังว่าผู้สอนจะต้องสอนให้เป็นไป
ตามมาตรฐาน การกําหนดโครงการพัฒนาวิชาชีพจึงต้องยึดมาตรฐาน ตัวอย่างเช่น
การใช้ผลการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาครู
ครูต้องร่วมกันวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ของนักเรียน
ทบทวนสิ่งที่นำไปปฏิบัติที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคน
รวมทั้งศึกษาวิจัยเนื้อหาสาระและวิธีการสอนตามความต้องการของนักเรียน สิ่งต่าง ๆ
เหล่านี้สะท้อนให้เห็นการปฏิบัติการสอนที่ดีที่สุดในชั้นเรียนที่ยึดมาตรฐานเป็นเกณฑ์
หลักที่ 4
ประสบการณ์การพัฒนาวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้
หลักการสําคัญของระบบที่เชื่อมโยงด้วยมาตรฐานสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ได้ดังนี้
มาตรฐานเน้นการเรียนรู้สําหรับผู้เรียนทุกคนและทุกวัย
ผู้เรียนทุกคนสรรค์สร้างการเรียนรู้ใหม่ๆ
ได้
ผู้เรียนเรียนรู้จากผู้อื่นและเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่นได้โดยการค้นคว้าและการฝึกคิดทบทวน
การประเมินผล
ก่อให้เกิดการตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการเรียนรู้
หลักการที่ 5
ประสบการณ์การพัฒนาวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพส่งเสริมครูให้มีบทบาทเป็นผู้ กล่าวคือ
ครูต้องมีภาวะความเป็นผู้นําในระบบที่เชื่อมโยงด้วยมาตรฐาน
บทบาทผู้นําอย่างเป็นทางการของ คือบทบาทเป็นผู้ให้คําปรึกษา
ครูควรเป็นผู้ตัดสินใจในการคัดเลือกทีมงานวางแผนการสอน
คัดเลือกเนื้อหาโดยเน้นผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ครูควรเป็นผู้นําในการกําหนดมาตรฐาน
กําหนดกลยุทธการสอนและการ ประเมินผลและวิเคราะห์ผลงานของนักเรียน
หลักการที่ 6
ประสบการณ์การพัฒนาวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพสร้างความเชื่อมโยงกับหน่วย
การศึกษาอื่น การเชื่อมโยงด้วยมาตรฐาน คือ วิธีการดําเนินงานที่เป็นระบบ ฉะนั้นองค์ประกอบและการ
ตัดสินใจล้วนส่งผลต่อส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
หลักการที่ 7
ประสบการณ์การพัฒนาวิชาชีพที่มีประสิทธิภาพต้องประเมินและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ในระบบที่เชื่อมโยงด้วยมาตรฐาน ความมีประสิทธิผลวัดได้จากพัฒนาการของนักเรียน
ความมีประสิทธิผล รวมถึงความเป็นเลิศทางวิชาการของนักเรียนทุกคน
และความเสมอภาค(ลดช่องว่างผลสัมฤทธิ์ที่แตกต่างกัน ระหว่างผู้เรียน)
หรือทั้งสองอย่าง กระบวนการวางแผนการสอนจะต้องพิจารณาความก้าวหน้าของนักเรียน
อย่างต่อเนื่องและปรับปรุงโดยใช้ผลการเรียนรู้ของนักเรียน
หลักสูตรมาตรฐานแห่งชาติสู่ชั้นเรียน
(How
to Use Standards in the Classroom)
การเชื่อมโยงมาตรฐานการเรียนรู้กับหลักสูตรเป็นสิ่งสําคัญ
การเชื่อมโยงมาตรฐานการเรียนรู้ ระดับชาติ มาตรฐานการเรียนรู้และท้องถิ่น
ไปสู่เป้าหมายการเรียนการสอนของนักเรียนและคร Baris, Douglas E and Car, Judy
F (1996 : 18)
ได้นําเสนอแผนภูมิแสดงความสอดคล้องเชื่อมโยงของหลักสูตรการเรียนการสอน
และการประเมินแบบอิงมาตรฐานการเรียนรู้ไว้ดังแผนภาพประกอบ

ภาพประกอบที่
11 หลักสูตรมาตรฐานแห่งชาติสู่ชั้นเรียน
จากแผนภาพประกอบที่
สรุปได้ว่า
กรอบหลักสูตรมลรัฐเชื่อมโยงและสะท้อนสิ่งที่พึงประสงค์ในมาตรฐานการเรียนรู้ระดับชาติ
หลักสูตรและการประเมินระดับท้องถิ่นและโรงเรียน
สะท้อนถึงมาตรฐานที่กําหนดในกรอบ หลักสูตรมลรัฐ
กิจกรรมการเรียนการสอนและหน่วยการเรียน
เชื่อมโยงและสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้มล รัฐ
หลักสูตรท้องถิ่นและหลักสูตรสถานศึกษา
ในขณะเดียวกันก็ต้องสนองตอบความสนใจและความต้องการ ของนักเรียน และชุมชน
ด้วยเหตุผลดังกล่าวกิจกรรมการเรียนการสอนและหน่วยการเรียน จึงควรสร้างจาก
แหล่งข้อมูลของท้องถิ่น หรือเหตุการณ์ประเด็นปัญหาต่าง ๆ ในท้องถิ่น การประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนทั้งในระดับชั้นเรียน
ท้องถิ่น และมลรัฐ ควรใช้ข้อมูลจากผลงานและการ
ปฏิบัติงานของนักเรียนที่เกิดขึ้นในแต่ละหน่วยการเรียน
เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นข้อมูลที่จะบอกได้อย่างดีว่าผล
การเรียนของนักเรียนถึงมาตรฐานหรือไม่
มาตรฐานสู่ความสําเร็จ : หลักสูตร การประเมินผล และแผนปฏิบัติการ
กระบวนการพัฒนาหลักสูตรและแผนการประเมิน
Carr, Judy F and Harris, Douglas E (200 -49)เสนอคําถามที่เกี่ยวข้องคือ
จะสร้างการประเมินระดับชั้นเรียนที่สอดคล้องกับมาตรฐานอย่างไร -
ประเมินชั้นเรียนไม่ได้เป็นเพียงการทดสอบ การวัด หรือการให้คะแนน
แต่การประเมินเป็นบรณาการ การสอน เป็นกระบวนการของการวัดปริมาณ การอธิบาย
การรวบรวมข้อมูลหรือการให้ผลป้อนกันเกี่ยว การเรียนรู้
เพื่อให้รู้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน
จุดมุ่งหมายเบื้องต้นของการประเมินชั้นเรียนโดยใช้มาตรฐาน เป็นฐานคือ บอกให้รู้เกี่ยวกับการสอนและการปรับปรุงการเรียนรู้
ยิ่งไปกว่านั้นการประเมินยังสะท้อนสิ่งต่างๆ ดังนี้
ให้แนวทางเกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงและการปรับปรุงการศึกษา
ชี้ให้เห็นความสําเร็จของนักเรียนแต่ละคน
หลักสูตรเฉพาะและการปฏิบัติในสถานศึกษา
ชี้ให้เห็นว่านักเรียนมีความรู้และทักษะแบบบูรณาการตลอดหลักสูตรหรือไม่
เสนอวิธีการและข้อมูลเพื่อสื่อถึงผลการประเมินอย่างมีประสิทธิภาพ
การประเมินประสิทธิผลของชั้นเรียนต้องกระทําอย่างต่อเนื่องและสัมพันธ์กับการเรียนรู้ใน
ขณะนั้น รวมทั้งมีลักษณะรวบยอด (แต่ละองค์ประกอบเป็นส่วนหนึ่งของระบบทั้งหมด
คํานึงถึงความต้องการ ของผู้เรียนกลุ่มต่างๆ และคํานึงถึงจุดดีและปัญหาต่าง ๆ
ของนักเรียน) ตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้จากหลักสูตร
เดียวกันหรือข้ามหลักสูตร
มีลักษณะหลากหลาย
(หลากหลายแง่มุมและยืดหยุ่นได้ เหมาะสมทั้งด้านพัฒนาการแต่ง วัฒนธรรม คํานึงถึงรูปแบบการเรียนรู้และพหุปัญญา
ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการประเมินตนเอง)
เชื่อถือได้เชิงเทคนิค
(มีความต่อเนื่องและกระทําติดต่อกัน แม่นตรงและเชื่อถือได้ และรายงานอย่างถูกต้อง)
การว่างแผนการประเมินต้องมองในมุมกว้าง
แผนการประเมินคือเครื่องมือออกแบบหรือชุดของ ตัวเลือกที่คํานึงถึงว่า
การเรียนรู้ของนักเรียนจะได้รับการประเมินให้สัมพันธ์กับมาตรฐานได้อย่างไร การใช้
แผนการประเมินนี้ทําให้มั่นใจได้ว่า
ผลป้อนกลับจากการนําแผนการประเมินไปใช้
จะชี้แนะกระบวนการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงการ เรียนการสอน
นักเรียนมีโอกาสหลากหลายที่จะแสดงผลสําเร็จตามมาตรฐานที่กําหนดไว้
นักเรียนให้คําตอบที่สรรค์สร้างเองได้หลายแบบ
เช่น ผลงาน (รายงานที่เขียน ภาพ หุ่นจําลอง แผนที่) และการปฏิบัติ กิจกรรม
การสืบค้น การสัมภาษณ์ การแสดงละคร) การตอบสนองของนักเรียนหลายแบบ
บอกให้รู้พหุปัญญา และจุดแข็งต่าง ๆ ของนักเรียนแต่ละคน
การประเมินด้วยคําตอบแบบเลือกตอบและการ
ตอบแบบสั้นมักเป็นส่วนหนึ่งของแผนการประเมินนี้
แนวการให้คะแนนแบบต่าง
ๆ ใช้เพื่อกําหนดผลป้อนกลับด้านการเรียนรู้ของนักเรียน
การประกันคุณภาพการศึกษา
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2542 มาตรา 48 “ให้หน่วยงานต้นสังกัด และสถานศึกษา
จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายใน
เป็น ส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ดําเนินการอย่างต่อเนื่อง”
การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นเครื่องมือสําคัญในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนให้ได้มาตรฐาน
ทั้งในระดับอุดมศึกษา และระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ซึ่งแนวคิดที่เกี่ยวข้องมีดังต่อไปนี้
1. การประกันคุณภาพเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (ASEAN Cooperation
Initiative in Quality Assurance)
การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นเครื่องมือที่สําคัญในการสร้างมาตรฐานและเสริมสร้าง
คุณภาพการศึกษาของหลักสูตร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการประกันคุณภาพการศึกษาระดับในอาเซียน (AUN Quality Assurance - AUN-QA) ที่ตระหนักถึงความสําคัญของประกันคุณภาพการศึกษาใน
ระดับอุดมศึกษาและความจําเป็นในการพัฒนาระบบประกันคุณภาพแบบองค์รวมเพื่อยกระดับมาตรฐาน
การศึกษา ให้แก่มหาวิทยาลัยในเครือข่าย AUN เครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน
(ASEAN University Network PAUN) ซึ่งระบบประกันคุณภาพการศึกษาในอาเซียน
(AUN Quality Assurance - AUN-QA) เป็นกลไกการ
14กุณภาพการศึกษาและสร้างมาตรฐานการอดมศึกษาของมหาวิทยาลัยสมาชิกให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
การรับรองมาตรฐานระดับหลักสูตรจะเริ่มต้นจากความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
และนํามา กําหนดไว้ในผลลัพธ์การเรียนรู้ที่คาดว่าจะได้รับ
ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสูตรการรับรองมาตรฐานคุณภาพ ระดับหลักสูตร ตามเกณฑ์ ASEAN
University Network Quality Assurance: AUN-QA โดยมีเกณฑ์พิจารณา 11
หมวด ได้แก่
1. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวังไว้
2. ข้อกําหนดหลักสูตร
3. โครงสร้างหลักสูตรและเนื้อหา
4. แนวทางการสอนและการเรียนรู้
5. การประเมินผลนักศึกษา
6. คุณภาพบุคลากรสายวิชาการ
7. คุณภาพบุคลากรสายสนับสนุน
8. คุณภาพของนักศึกษาและการสนับสนุน
9. สิ่งอํานวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐาน
10. การเพิ่มคุณภาพ
11. ผลผลิต
มหาวิทยาลัยในเครือข่าย
AUN ได้มีการนําเกณฑ์ดังกล่าวมาใช้ในการประกันคุณภาพการศึกษา
ระดับหลักสูตร (AUN-QA Assessment) โดยหลักสูตรที่มีความพร้อม
มหาวิทยาลัยจะยื่นขอรับรองโดย AUN-QA ต่อไป

ภาพประกอบ ความสัมพันธ์องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับ Learning outcome
2. การประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา
ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สํานักทดสอบทางการศึกษา
กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ (2545) ได้ศึกษาและพัฒนา
ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
จากผลการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศเป็นกฎกระทรวง กําหนด ระบบ หลักเกณฑ์
และวิธีการประกันคุณภาพ การศึกษาภายในสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และเอกสารการดําเนินงานตามระบบดังกล่าว
ได้แก่
1. ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา
2. แนวทางการจัดทําระบบสารสนเทศสถานศึกษา
3. แนวทางการบริหารจัดการคุณภาพสถานศึกษา
4. แนวทางการจัดทําแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา
5. แนวทางการตรวจสอบและทบทวนคุณภาพภายในของสถานศึกษา
6. แนวทางการรายงานคุณภาพการศึกษาประจําปีของสถานศึกษา
7.แนวทางการตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา โดยเขตพื้นที่
การศึกษา
3. การประเมินคุณภาพภายนอก
การประเมินคุณภาพภายนอก
คือ การประเมินคุณภาพการจัดการศึกษา การติดตาม การ
ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
ซึ่งกระทําโดยสํานักงานรับรองมาตรฐานและ ประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์การมหาชน)
(สมศ.) หรือผู้ประเมินภายนอกที่ได้รับการรับรองจาก โดยผู้
ประเมินภายนอกที่ได้รับการรับรองจาก สมศ. เพื่อมุ่งให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น
ความสําคัญของการประเมินคุณภาพภายนอก
การประเมินคุณภาพภายนอก
มีความสําคัญและมีความหมายต่อสถานศึกษา หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องและสาธารณชน
ดังต่อไปนี้ (สํานักงานรับรองมาตรฐานและ ประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การ มหาชน), 2550)
1. เป็นการส่งเสริมให้สถานศึกษาพัฒนาเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐาน และพัฒนาตนเอง
ให้เต็ม ตามศักยภาพอย่างต่อเนื่อง
2. เพิ่มความมั่นใจ และคุ้มครองประโยชน์ให้ผู้รับบริการทางการศึกษาให้มั่นใจ
ได้ว่า สถานศึกษาจัดการศึกษามุ่งสู่คุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาที่เน้นให้ผู้เรียนเป็น
คนดี มีความสามารถ และ มีความสุขเพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
3. สถานศึกษาและหน่วยงานที่กํากับดูแล เช่น คณะกรรมการสถานศึกษา หน่วยงานต้น
สังกัด สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ
ชุมชนท้องถิ่นมีข้อมูลที่จะช่วย ตัดสินใจในการวางแผน
และดําเนินการเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาให้เป็นไปในทิศทางที่
ต้องการและบรรลุเป้าหมายตามที่กําหนด
4. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับนโยบายมีข้อมูลสําคัญในภาพรวมเกี่ยวกับ
คุณภาพและ มาตรฐานของสถานศึกษาทุกระดับทุกสังกัดเพื่อใช้เป็นแนวทางในการกําหนดนโยบายทางการศึกษาและ
การจัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ
สํานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา
(องค์การมหาชน) http:/WWW.onesqa.or.th/th/index.php กําหนดหลักการสําคัญของการประเมินคุณภาพภายนอก ซึ่งมีหลักการ สําคัญ 5
ประการ ดังต่อไปนี้
1)
เป็นการประเมินเพื่อมุ่งให้มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการ ตัดสิน การจับผิด หรือการให้คุณ ให้โทษ
2)
ยึดหลักความเที่ยงตรง เป็นธรรม โปร่งใส
มีหลักฐานข้อมูลตามสภาพความเป็นจริง Idence-based) และมีความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้(accountability)
3)
มุ่งเน้นในเรื่องการส่งเสริมและประสานงานในลักษณะกัลยาณมิตรมากกว่าควบคุม
4)
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการประเมินคุณภาพและการพัฒนาการฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
5) มุ่งสร้างความสมดุลระหว่างเสรีภาพทางการศึกษากับจุดมุ่งหมายและหลักการศึกษา
ของชาติตามที่กําหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ.2542 เหเอกภาพเชิงนโยบาย
แต่ยังคงมี ความหลากหลายในทางปฏิบัติ โดยสถาบันสามารถกําหนดเป้าหมายเฉพาะ
และพัฒนาคุณภาพการศึกษาใน เต็มตามศักยภาพของสถาบันและผู้เรียน
วัตถุประสงค์ของการประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษา
การประเมินคุณภาพภายนอก
มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี(สํานักงานรับรอง- มาตรฐาน ประเมินคุณภาพการศึกษา
(องค์การมหาชน), 2550)
1. เพื่อตรวจสอบ ยืนยันสภาพจริงในการดําเนินงานของสถานศึกษา และ ประเมิน
คุณภาพการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาที่กําหนด
2. เพื่อให้ได้ข้อมูลซึ่งจะช่วยสะท้อนให้เห็นจุดเด่น จุดที่ควรพัฒนาของ
สถานศึกษา สาเหตุของปัญหาและเงื่อนไขของความสําเร็จ
3. เพื่อช่วยเสนอแนะแนวทางปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษาแก่ สถานศึกษา และ
หน่วยงานต้นสังกัด
4. เพื่อส่งเสริมให้สถานศึกษามีการพัฒนาคุณภาพ และประกันคุณภาพภายใน อย่าง
ต่อเนื่อง
5. เพื่อรายงานผลการประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ต่อ
หน่วยงานเกี่ยวข้องและสาธารณชน
ผู้ประเมินภายนอก
หมายถึงบุคคลหรือหน่วยงานที่มีคุณสมบัติตามที่กําหนดและได้รับการ รับรอง จากสมศ.
ให้ทําการประเมินคุณภาพภายนอก
มาตรฐานการศึกษา
คือข้อกําหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะคุณภาพที่พึงประสงค์และเป็นเป้าหมายที่
ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง
เพื่อใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสําหรับการส่งเสริม กํากับดูแล ตรวจสอบประเมินผล
และ การประกันคุณภาพการศึกษา
4. การประเมินคุณภาพภายใน
Clark (2005 : ) กล่าวว่า
การประเมินคุณภาพภายในโปรแกรมการเรียนการสอน (internal evaluation) เป็นวิธีการประเมินที่นําไปใช้ในการตัดสินคุณค่าของโปรแกรมการเรียนการสอนในระหว่างดําเนินการ
การ ประเมินเน้นที่กระบวนการ (process) การประเมินคุณภาพภายในมีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบแก้ไขและ
ปรับปรุงสื่อการเรียนการสอน
เพื่อให้เกิดประสิทธิผลยิ่งขึ้นเมื่อนําไปใช้กับผู้เรียนโดยทั่วไป ในการประเมิน
จะเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน โดยกําหนดจุดมุ่งหมายคือ
การจัดการเรียนรู้นั้นหรือการเรียน
การสอนนั้นประสบผลสําเร็จตามที่ตั้งใจไว้หรือไม่
ข้อมูลต้องถูกเก็บรวบรวมอย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจสอบว่า
การจัดการเรียนรู้หรือการเรียนการสอนนั้นพัฒนาผู้เรียนได้จริง
ถ้าพบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่มีปัญหาในการเรียน การสอนคล้าย ๆ กัน
อาจสรุปได้ว่าการจัดการเรียนรู้หรือเรียนการสอนนั้นมีบางอย่างที่ไม่เป็นไปตาม
จุดมุ่งหมาย
ดังนั้นการประเมินคุณภาพภายในเป็นการประเมินเพื่อปรับปรุงดําเนินการได้ทันท่วงที
การ ประเมินนี้จึงมีบทบาทสําคัญต่อความสําเร็จของการจัดการเรียนการสอน เคมพ์ (Kemp
: 1971) เสนอแนะการ ประเมินไว้ดังนี้
1. ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในระดับที่เป็นที่ยอมรับตามจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้หรือไม่
ผู้เรียนมี ข้อบกพร่องใดบ้าง
2. ผู้เรียนมีความสามารถในการใช้ความรู้
หรือทักษะในระดับที่เป็นที่ยอมรับหรือไม่ ผู้เรียนมี ข้อบกพร่องใดบ้าง
3. ผู้เรียนใช้เวลานานเพียงใด เพื่อให้เกิดประสบการณ์การเรียนรู้
และเป็นที่ยอมรับของผู้สอน หรือไม่
4. กิจกรรมต่าง ๆ เหมาะสมสําหรับผู้เรียนและผู้สอนหรือไม่
5. วัสดุต่าง ๆ สะดวกและง่ายต่อการติดตั้ง การหยิบ การใช้
หรือการเก็บรักษาหรือไม่
6. ผู้เรียนมีปฏิกิริยาต่อวิธีการเรียนการสอน กิจกรรม วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้
และวิธีการประเมินผล อย่างไรบ้าง
7. ข้อสอบเพื่อการประเมินตนเอง และข้อสอบหลังจากเรียนแล้ว
ใช้วัดจุดมุ่งหมายของการเรียน ได้หรือไม่
8. ควรมีการปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมในส่วนใดบ้าง (เนื้อหารูปแบบ และอื่น ๆ)
การประเมินภายนอก
Clark (2005 : 2) กล่าวว่า ว่า การประเมินคุณภาพภายนอก (External
evaluation) เป็นการประเมินหลังการจัดการเรียนรู้หรือการจัดการเรียนการสอน
เพื่อนําผลการประเมินไปใช้ในการตัดสินคุณค่าของโปรแกรมการสอน การออกแบบการเรียนการสอนตลอดกระบวนการมีขั้นตอนใดที่ไม่เป็นไปตาม
ขั้นตอนบ้าง เพื่อนําไปเป็นข้อมูลสําหรับผู้ออกแบบการเรียนการสอนได้พัฒนาต่อไป
เคมพ์ (Kemp, 1971 :) เสนอแนะแนวคิดการประเมินไว้ดังนี้
1.
จุดมุ่งหมายทั้งหมดได้รับการบรรลุผลในระดับใดบ้าง
2. หลังจากการเรียนการสอนผ่านไปแล้ว
การปฏิบัติงานของผู้เรียนเกี่ยวกับการใช้ความรู้ ทักษะ
และการสร้างเจตคติมีความเหมาะสมหรือไม่
3. การใช้วัสดุต่างๆ
ง่ายต่อการจัดการสําหรับผู้เรียนจํานวนมาก ๆ หรือไม่
4. สิ่งอํานวยความสะดวก
กําหนดการ และการนิเทศ มีความเหมาะสมกับโปรแกรมหรือไม่
5. มีการระวังรักษาการหยิบ
การใช้เครื่องมือและวัสดุต่าง ๆ หรือไม่
6. วัสดุต่าง ๆ
ที่เคยใช้แล้ว ถูกนํามาใช้อีกหรือไม่
7. ผู้เรียนมีเจตคติอย่างไรบ้างต่อวิชาที่เรียน
วิธีการสอน กิจกรรม และเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่มีต่อ ผู้สอน และผู้เรียนคนอื่น ๆ
การกําหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรู้
The SOLO
taxonomy
The SOLO
taxonomy เป็นการจัดระดับเพื่อประโยชน์ในการแสดงคุณสมบัติเฉพาะในระดับต่าง
ๆ กันของคําถาม และคําตอบที่คาดว่าจะได้รับจากผู้เรียน
เป็นชุดของเกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้ที่เป็น ผลงานของ Biggs and Collis
(1982), “SOLO, มาจากคําว่า Structure of Observed Learning
Outcome, :เป็นระบบที่นํามาช่วยอธิบายว่า
ผู้เรียนมีพัฒนาการการปฏิบัติที่ซับซ้อนอย่างไร ในการเรียนเพื่อรอบรู้ที่มีความ
หลากหลายของภาระงานทางวิชาการ โดยที่นิยามจุดประสงค์ของหลักสูตร ปฏิบัติเพื่อประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนที่ปฏิบัติได้จริง
การใช้ SOLO Taxonomy ในการกําหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรู้
The SOLO
Taxonomy คือ การกําหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
ซึ่งไม่มุ่งเน้นเฉพาะการสอน และการให้คะแนนจากผลงานเท่านั้น แต่ SOLO
Taxonomy เป็นกระบวนการที่ให้ความสําคัญว่า ผู้เรียนมีวิธีการเรียนรู้
สิ่งที่สําคัญประการหนึ่งคือ
ครูจะมีวิธีสอนอย่างไรที่ผู้เรียนได้ใช้ปัญญาที่มีความ ซับซ้อนและก่อให้เกิดพัฒนาการมากขึ้น
SOLO Taxonomy ได้รับการเสนอโดย Biggs และ
Collis
The SOLO
taxonomy เป็นชุดของเกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้ที่เป็นผลงานของ Biggs
and Collis (1982), “SOLO, มาจากคําว่า Structure of
Observed Learning Outcome, เป็นระบบที่นํามาช่วยอธิบาย ว่า
ผู้เรียนมีพัฒนาการการปฏิบัติที่ซับซ้อนอย่างไร
ในการเรียนเพื่อรอบรู้ที่มีความหลากหลายของภาระงาน ทางวิชาการ
โดยที่นิยามจุดประสงค์ของหลักสูตร ในสภาพที่พึงประสงค์ของการปฏิบัติ
เพื่อประเมินผลการ เรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนที่ปฏิบัติได้จริง
การใช้ SOLO taxonomy จะช่วยให้ทั้งครูและผู้เรียนตระหนักถึงองค์ประกอบที่หลากหลายจาก
หลักสูตรได้อย่างแจ่มชัดขึ้น
แนวคิดดังกล่าวถูกนําไปกําหนดเป็นนโยบายใช้ในการประเมินในมหาวิทยาลัย
และสถาบันการศึกษาหลายแห่ง สืบเนื่องจากสามารถนําไปใช้ได้ในหลายสาขาวิชา
การประเมิน
ความสามารถในการปฏิบัติของผู้เรียนอยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาผู้เรียนในแง่ของความเข้าใจที่ซับซ้อน
ซึ่ง ความเข้าใจดังกล่าวแบ่งได้เป็น 5 ระดับ (1) ระดับโครงสร้างขั้นพื้นฐาน (Pre-structural) (2) ระดับโครงสร้าง
เดี่ยว (Uni-structural) (3) ระดับโครงสร้างหลากหลาย (Multi-structural)
(4) ระดับความสัมพันธ์ของ โครงสร้าง (Relational Level) และ (5) ระดับแสดงความต่อเนื่องในโครงสร้างภาคขยาย (Extended
Abstract Level)
โครงสร้างการสังเกตผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
Biggs และ Collis เสนอวิธีการไว้ดังต่อไปนี้
1) กําหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่ผู้เรียนปฏิบัติในบทเรียน
(To set learning objectives appropriate to where a student should be at
a particular stage of their program) และ2) ประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคน
(To assess the learning outcomes attained by each student) เมื่อเขียนวัตถุประสงค์การเรียนรู้ต้องมั่นใจว่า
คํากริยาที่นํามาใช้เพื่อการประเมินมีความถูกต้องเหมาะสมในแต่ละระดับ ดังนี้
• ระดับ โครงสร้างขั้นพื้นฐาน (Pre-structural) นักเรียนได้รับข้อมูลเป็นส่วน
ๆ ที่ไม่ ปะติดปะต่อกัน ไม่มีการจัดการข้อมูล และความหมายโดยรวมของข้อมูลไม่ปรากฏ
• ระดับโครงสร้างเดี่ยว (Uni-structural) ผู้เรียนเชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐาน
ง่ายต่อการเข้าใจ แต่ไม่ แสดงความหมายของความเกี่ยวโยงของข้อมูล
• ระดับโครงสร้างหลากหลาย (Multi-structural) ผู้เรียนเชื่อมโยงข้อมูลหลาย
ๆ ชนิดเข้า ด้วยกัน ความหมายของความสัมพันธ์ระหว่างความเกี่ยวโยงของข้อมูลไม่ปรากฏ
• ระดับความสัมพันธ์ของโครงสร้าง (Relational Level) ผู้เรียนแสดงความสัมพันธ์ของควา
Level) ผู้เรียน
เกี่ยวโยงของข้อมูลได้ผู้เรียนแสดงความสัมพันธ์ของความเกี่ยวโยงของข้อมูลและภาพรวมทั้งหมดได้
• ระดับแสดงความต่อเนื่องในโครงสร้างภาคขยาย (Extended Abstract เชื่อมโยงข้อมูลนอกเหนือจากหัวข้อเรื่องที่ได้รับ ผู้เรียนสามารถสรุปและส่งผ่านความสําคัญ
และแนวคิดที่
ซ่อนอยู่ภายใต้กรณีตัวอย่าง
ประเด็นสําคัญที่พึงระมัดระวังในการใช้
SOLO Taxonomy
การปรับใช้
SOLO Taxonomy กับแนวคิดการสรรค์สร้างองค์ความรู้
ต้องนึกอยู่เสมอว่าปัญหาที่
เกี่ยวข้องกับการสอนและการเรียนรู้
มีอยู่มากมาย อาทิ
ในการสอนครูผู้สอนมีวิธีการสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้อย่างไร
ครูผู้สอนต้องมีความรู้เกี่ยวกับ
แรงจูงใจในการเรียนรู้ของผู้เรียน
ในการเรียนรู้ผู้เรียนมีความสามารถในการเรียนรู้มากน้อยเพียงใด
จะต้องมีสิ่งสนับสนุนอะไรจึงจะ ช่วยให้ผู้เรียนบรรลุผลสัมฤทธิ์ในการเรียนรู้
การกําหนดระดับคุณภาพของสมรรถนะนี้เป็นการให้ความสําคัญที่การเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคน
ตามความสามารถ (แทน “สิ่งที่ครูมักระบุว่านักเรียนคนนั้น คนนี้ เก่ง / ไม่เก่ง หรือ
ดี / ไม่ดี) และการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนเพื่อจะนําไปสู่การเรียนรู้ที่ดี
การปฏิบัติตามแนวคิดดังกล่าวนี้ สรุปได้ว่า
• ทําให้ ILO ชัดเจนยิ่งขึ้น(ความมุ่งมั่น/เจตนา (Intended)
การเรียนรู้ (Learning) ผลผลิต
(Outcomes)
• การทดสอบสมรรถนะ --> ILO's --> การสอน
ครูผู้สอนต้องบอกกระบวนการ ILO ในการบรรลุผลการเรียนรู้ ให้นักเรียนได้รับทราบด้วย
SOLO Taxonomy มีเหมาะสมดีที่นํามาใช้ในการให้เหตุผลในการกําหนดสมรรถนะในหลักสูตร
และรายวิชาต่างๆ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
การกําหนดระดับคุณภาพของสมรรถนะตามแนวคิด
SOLO Taxonomy การเรียนรู้อย่างลุ่มลึก
ไม่ใช่เรียนแบบผิวเผิน
SOL0
4 : การพูดอภิปราย
สร้างทฤษฎี ทํานายหรือพยากรณ์
SOLO 3 : อธิบาย วิเคราะห์ เปรียบเทียบ
SOLO 2 : บรรยาย
รวมกัน จัดลําดับ
SOLO 1 : ท่องจํา
ระบุ , คํานวณ
บทบาทของการสอบ
“การสอบไม่ใช่สิ่งที่ตามมาแต่ต้องคิดไว้ก่อน”
แนวคิดสําคัญ ในการพัฒนาหลักสูตรเมื่อต้องการ
ทดสอบสมรรถนะหรือผลผลิตของการสอน นักพัฒนาหลักสูตรจะต้องมีความรู้ต่อไปนี้
ทฤษฎีการวางแผน
(ตลอดโปรแกรมของหลักสูตร)
ทฤษฎีเกี่ยวกับแรงจูงใจ
(และสิ่งที่กระตุ้นแรงจูงใจ)
ทั้งนี้เพื่อปรับเปลี่ยนแนวคิด “การสอบคล้ายกับ “การปรับเปลี่ยนจากความชอ
แรงจูงใจ (motivation) และแนวทางในการเรียนรู้ (learning
guiding) ที่เป็นเครื่องมือในการจัดการเรียน สอนของครูผู้สอน
การจัดลําดับขั้นของจุดประสงค์การเรียนรู้ของบลูม
(Bloom Taxonomy 1956) เมื่อนํามาสัมพัน
กับแนวคิด SOLO Taxonomy ของ Biggs & Collis 1982)
SOLO 1 และ 2 สอดคล้องกับแนวคิดของ บลูม ในขั้นความรู้
(จํา) ความเข้าใจ และการนําไปใช้ข้อมูลเชิงปริมาณ
SOLO 3 และ 4 สอดคล้องกับแนวคิดของ บลูม ในขั้นการวิเคราะห์
สังเคราะห์ และประมารค่า ข้อมูลเชิงคุณภาพ
ตัวอย่าง
การกําหนดค่าระดับคุณภาพการเขียนแผนจัดการเรียนรู้
ระดับ SOLO 1 หมายถึง การเลียนแบบและคงไว้ซึ่งของเดิม (Imitative
Maintenance) การเขียนแผนจะยึดตําราเป็นหลัก ทําแบบฝึกหัดตามหนังสือ
จัดกิจกรรมซ้ำ ๆ เดิม ใช้สื่ออุปกรณ์สําเร็จรูป ไม่มีการประเมินการใช้จริง
ระดับ SOLO 2 หมายถึง การปรับประยุกต์ใช้ (meditative) การนําแผนการสอนที่มีอยู่ให้สง
มีการบูรณาการเนื้อหาให้สอดคล้องกับโลกแห่งความเป็นจริง (real world) มีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาเล็กน้อย คํานึงสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้
เน้นทฤษฎีมากกว่าการปฏิบัติ
ระดับ SOLO 3 หมายถึง การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ (Creative-generative)
การเขียนแผนที่คํานึงถึง พฤติกรรมใหม่ ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ จะเขียนแผนแนวทางมหภาค ใช้ผลงานการวิจัยประกอบ การสอน
เน้นมโนทัศน์ของวิชานั้นๆและบูรณาการแบบข้ามกลุ่มสาระ
การแปลความหมายของค่าเฉลี่ย
ค่าเฉลี่ย
1.00 - 1.49 หมายความว่า มีความสามารถในการเขียนแผนและการนําแผนจัดการเรียนรู้ไปใช้ตามรูปแบบ
The STUDIES Model ระดับต่ำ / ปรับปรุง
ค่าเฉลี่ย
1.50 - 2.49 หมายความว่า มีความสามารถในการเขียนแผนและการนําแผนจัดการเรียนรู้ไปใช้ตามรูปแบบ
The STUDIES Model ระดับปานกลาง/พอใช้
ค่าเฉลี่ย
2.50 - 3.00 หมายความว่า
มีความสามารถในการเขียนแผนและการนำแผนจัดการเรียนรู้ไปใช้ตามรูปแบบ The
STUDIES Model ระดับสูงดี
สรุป
การประเมินอิงมาตรฐานระดับที่มีความสําคัญที่สุดคือ
การจัดการเรียนรู้หรือการเรียนการสอน นั้นประสบผลสําเร็จ โดยดูจากผู้เรียนมีความรู้
และทักษะเป็นไปตามมาตรฐานที่กําหนดไว้ กล่าวได้ว่า
โปรแกรมการเรียนการสอนมีประสิทธิผลระดับใด
อีกประเด็นหนึ่งคือการจัดการเรียนรู้หรือการเรียนการ
สอนที่ช่วยให้ผู้เรียนประสบความสําเร็จในการเรียนรู้ได้โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จํากัด
กล่าวได้ว่าการจัดการ เรียนรู้หรือการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพระดับใด
การประเมินคุณภาพภายใน เป็นการประเมินให้ ความสําคัญที่กระบวนการ(process) การประเมินคุณภาพภายในเป็นการประเมินในระหว่างจัดการเรียนรู้หรือ
การเรียนการสอนมีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบปรับปรุงแก้ไขสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้และปรับปรุงสื่อ
นวัตกรรมการเรียนการสอน ส่วนการประเมินคุณภาพภายนอก
เป็นการประเมินที่มุ่งตอบคําถามว่า การ
จัดการเรียนการสอนประสบความสําเร็จตามแผนที่วางไว้หรือไม่
ผู้เรียนมีคุณลักษณะตามที่หลักสูตรกําหนด ไว้หรือไม่ คําถามหลัก คือ
ผู้เรียนสามารถปฏิบัติงานหลังจากการเรียนการสอนได้หรือไม่ กระบวนการมี
ขั้นตอนใดที่มีปัญหาอุปสรรค เพื่อนําไปเป็นข้อมูลสําคัญสําหรับผู้บริหาร
ได้พัฒนาในโอกาสต่อไป
ตรวจสอบและทบทวน
ในการเขียนแผนจัดการเรียนรู้ขั้น
การประเมินการเรียนรู้อิงมาตรฐาน ปฏิบัติการเขียนแผนจัดการ เรียนรู้ด้วยการเขียนระดับคุณภาพของผลการเรียนรู้
(rubrics) ซึ่งอาจใช้แนวทางการกําหนดระดับคุณภาพของ
สมรรถนะตามแนวคิด SOLO Taxonomy การเรียนรู้อย่างลุ่มลึก
ไม่ใช่เรียนแบบผิวเผิน หรือแนวทางอื่นๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น